10 อันดับ เกม FPS ที่คุณต้องลองในปี 2018

นับว่าเป็นเกมที่ได้รับกระแสความนิยมอย่าล้นลามไม่เเพ้เเนวอื่น ซึ่งในปกตินั้นมีเกมแนว FPS ถูกพัฒนาออกมาหลากหลายสไตล์ ที่มาพร้อมทั้งความตื่นเต้น เร้าใจ และเข้าถึงอารมณ์ในมุมมองของเหล่าเกมเมอร์ได้อย่างสุดอิน และคราวนี้พวกเราก็จะมาแนะนำ 10 อันดับ เกมแนว FPS สุดทันส์ที่คุณต้องลองในปี 2018 มาเสิร์ฟให้กับเพื่อนๆชาวเกมเมอร์ที่ชื่นชอบสายนี้ได้สนุกกันต่อครับ ส่วนจะมีเกมไหนที่เข้าตากรรมการอย่างคุณกันบ้างนั้น ต้องมาดูกันเลยครับ

Battalion 1944

เกม FPS แบบ Old-School ที่หยิบเอาเรื่องราวสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเป็นธีมหลักของเกม โดยเกมนี้ได้ตัดระบบการปรับแต่งอาวุธที่มีให้เห็นในเกมฟอร์มใหญ่ เพื่อให้ผู้เล่นใช้ความสามารถที่แท้จริงในการเล่น มากกว่าพึ่งพาอุปกรณ์ปรับแต่งปืน ซึ่งตัวเกมนี้ได้หยิบเอาสถานที่จริงมาใส่ไว้ในเกมได้อย่างน่าสนใจ

Deep Rock Galactic

เกมแนว Action Shooter ที่ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น คนแคระ ที่จะต้องรวมทีมกันไปสำรวจเหมืองใต้ดินของดาวเคราะห์ดวงหนึ่งเพื่อค้นหาอัญมณี และแร่ธาตุมีค่า แต่ทว่าในระหว่างการสำรวจนั้น พวกเขากลับพบว่าสถานที่แห่งเต็มไปด้วยความลับ และปริศนามากมาย แถมยังมีเหล่ามอนสเตอร์ต่างดาวมากมายที่จ้องจะทำร้ายพวกเขาอีกด้วย

Witchfire

เกม Shooter ธีม Dark ที่มีส่วนผสมผสานความแฟนตาซีเอาไว้ โดยตัวเกมได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกม Painkiller และ Bulletstorm สำหรับเกม Witchfire ผู้เล่นจะได้พบกับบรรยากาศอันชวนขนลุกกับโลกที่เต็มไปด้วยปีศาจ มอนสเตอร์ และซอมบี้ที่วิ่งไปมาอย่างบ้าคลั่ง ผู้เล่นจะต้องหาทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตให้รอดพ้นจากความหิวกระหายเลือดจากปีศาจเหล่านี้ด้วยปืน และเวทย์มนต์

Atomic Heart

เกมผจญภัยสไตล์ FPS อันสุดแปลกที่ได้มีการผสมผสานบรรยากาศความสะพรึ่งกลัวเข้ามาให้ตื่นเต้นกัน โดยเกมนี้จะพาคุณมาผจญกับเรื่องราวของสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างกลางสหภาพโซเวียต พร้อมสวมบทบาทเป็น หน่วยรบพิเศษ ที่ถูกส่งตัวให้มาทำภารกิจลับรัฐบาลโซเวียต หลังจากสัญญาณการติดต่อจากวิทยุได้เงียบหายไป

Ready or Not

เกมแนว Tactical Shooter ที่ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น 1 ในสมาชิกหน่วย SWAT ที่ต้องปฎิบัติหน้าที่ในการบุกช่วยเหลือตัวประกัน และปราบปรามผู้ก่อการร้ายให้สิ้นซาก สำหรับเกม Ready or Not นั้นมีรูปเกมที่น่าสนใจ อาทิ ระบบการต่อสู้ที่เน้นการวางแผนก่อนเข้าโจมตี, ระบบกระสุนที่ถูกออกแบบมาอย่างสมจริงทั้งทางด้านการทะลุวัสดุต่างๆ และสภาพศพของศัตรูที่ได้รับความเสียหายจากกระสุน รวมไปถึงการโดนยิงที่จุดใด เลือดก็จะนองจุดนั้น

System Shock (Remake)

เกมสไตล์ FPS ที่บอกเล่าเรื่องราวของ ตัวละครคนหนึ่ง ที่ถูกคุมขังอยู่ใน ซิทาเดล สเตชั่น และทางผู้เล่นจะต้องเอาชีวิตรอดด้วยการต่อสู้กับเหล่าไซบอร์คอันสุดประหลาด และเหล่าลูกเรือกลายพันธ์ุ โดยฝีมือ AI ที่มีชื่อว่า Shodan ซึ่งเป็นคู่อริตัวผกาญของเรา ที่เป็นต้นเหตุทำให้เราได้มาพบเจอกับสถานการณ์ และสิ่งมีชีวิตอันน่ากลัว

Hell Let Loose

เกมแนว Shooting ที่เน้นความสมจริงแถมยังมียานพาหนะให้ขับอีกด้วย นอกจากนี้ ตัวเกมยังสามารถจุผู้เล่นบนแผนที่ได้กว่า 100 คนเลยทีเดียว สำหรับเกม Hell Let Loose ที่นอกจากจะเน้นความสมจริงในการเล่นแล้ว ตัวเกมยังมีองค์ประกอบในเรื่องของกลยุทธ์การวางแผนเพื่อต่อสู้ มีระบบทรัพยากร และสามารถสั่งโจมตีทางอากาศได้ เรียกได้ว่าตัวเกมได้จัดเต็มให้สำหรับแฟนเกมแนวสงครามโลกกันเลยที่เดียว

Insurgency: Sandstorm

เกมแนว Tactical FPS ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับบรรยากาศเกมที่มีฉากหลังเป็นประเทศในแถบตะวันออกกลาง ที่มีความสมจริง และมาพร้อมกับโหมดมัลติเพลเยอร์ 3 โหมด และโหมด Co-Op อีก 3 โหมด นั่นคือ โหมด Push, Firefight และ Capture the Base ซึ่ง 2 ใน 3 โหมดนี้จะเปลี่ยนเป็นโหมด Checkpoint Operation และ Outpost แทน ในกรณีที่เราไปเล่น Co-Op สำหรับใครที่เป็นแฟนเกม FPS ที่เน้นความสมจริงในการเล่น พวกเราก็ขอแนะนำให้เล่นเกมนี้เลยครับ

Escape From Tarkov

เกมแนว MMO Shooting RPG สุดฮาร์ดคอร์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกียวกับ Tarkov เมืองสมมุติที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศรัสเซีย หลังการเกิดเหตุความขัดแย้งทางการเมือง พื้นที่ดังกล่าวก็ถูกปิดลง เหลือแต่เพียงกองกำลังติดอาวุธ USEC และ BEAR ซึ่งภายในเกมผู้เล่นจะได้รับบทเป็น 1 ในทหารรับจ้างที่ยังรอดชีวิตในเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าว โดยผู็เล่นจะสามารถเลือกเล่นเป็นฝ่ายใดก็ได้ระหว่าง USEC และ BEAR แต่เป้าหมายหลัก ก็คือ หาหนทางเพื่อหลบหนีออกไปจากเมืองหายนะแห่งนี้ให้จงได้

Metro Exodus

เนื้อหาของเกมในภาคนี้จะถูกเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมดจากนวนิยายต้นฉบับ โดยเรื่องราวของเกมจะกล่าวถึงเหตุการณ์ในปี 2036 หรือ 3 ปี หลังจากเกมภาคแรก ผู้เล่นยังคงรับบทเป็น “อาร์ตียอม” (Artyom) คนเดิม ที่ตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นผู้นำกลุ่ม Spartan Rangers ที่มีจุดมุ่งหมายจะเดินทางออกจากสถานีรถไฟมอสโค เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ยุโรปตะวันออก